พงศยา กับคดีฆาตกรรมปริศนา (ตอนเดียวจบ) - พงศยา กับคดีฆาตกรรมปริศนา (ตอนเดียวจบ) นิยาย พงศยา กับคดีฆาตกรรมปริศนา (ตอนเดียวจบ) : Dek-D.com - Writer

    พงศยา กับคดีฆาตกรรมปริศนา (ตอนเดียวจบ)

    ระหว่างวันหยุดของฉัน ก็ยังมีงานมาให้ทำได้ไม่เว้นว่างเลยสิน่า เอาล่ะ...เกิดอะไรขึ้นกันนะ ห๊าาา คดีเหรอ ไม่ได้การแล้ว ชั้นต้องจับคนร้ายให้ได้เลย

    ผู้เข้าชมรวม

    3,004

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    3K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  สืบสวน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 เม.ย. 56 / 22:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    พงศยา เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษสาวสวย ของ DSI ที่วัน ๆ ก็ต้องทำคีดจนหัวหมุน ในวันหยุดวันแรกของเธอ หลังจากไม่ได้หยุดมานาน ก็ยังไม่วายมีเรื่องมาให้เธอปวดหัวได้สิน่า

    แต่เอาเถอะ ไฟในการสืบสวนมีเต็มเหนี่ยว

    แล้วคุณล่ะ พร้อมรึยังที่จะร่วมไขปริศนาของคดีนี้ไปกับเธอ!!!



    ปล.มีเฉลยตอนท้ายนะครับ 

    คลุมดำเอานะ ^^ 

    บุญรักษาครับ 

    DEOXIV
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

                   ช่วงบ่ายในวันอาทิตย์วันหนึ่งในเดือนเมษายน พงศยา ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัยเงียจากเสียงไซเรนที่คุ้นหู เธอคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไปเพราะทำคดีติดต่อกันมาหลายวันและเพิ่งได้กลับมาพักผ่อนเมื่อเช้า และนั่นคงเป็นอาการความจำเสียงติดค้างในสมอง แต่แล้วเมื่อชันตัวขึ้นจากที่นอนแล้วมองลอดม่านหน้าต่างไปยังบ้านฝั่งตรงกันข้างก็พบว่าไม่ใช่อย่างที่คิด เธอล้มตัวลงกับหมอนแล้วพึมพำออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาว 


      "บ้ายบาย...วันหยุดของฉัน"

      รถสายตรวจและพิสูจน์หลักฐานจอดเรียงติด ๆ กันเต็มฝั่งถนนอีกฟากหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่ในชุดสีกากีเดินไปมาขวักไขว่ 

      ..........
      "คุณสุวิชัยอยู่คนเดียวมานานหลายปีแล้วหลังจากหย่าขาดกับภรรยาของเขา ปรกติเขาก็ไม่ค่อย

      ชอบสุงสิงกับใคร คือ ออกจะเป็นคนเงียบและเก็บตัว" ชายคนหนึ่งให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังจดบันทึกขอมูลลงในสมุดพกบริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ 

      "เกิดอะไรขึ้นหรือคะ" เสียงของหญิงสาวดังขึ้นข้างหลังของเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังจะตั้งคำถามต่อไป เขาหันกลับไปแล้วก็พบกับพงศยายืนอยู่

      "เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษค่ะ" เธอพูดพร้อมกับแสดงบัตรประจำตัว
      "คดีนี้ถูกจัดเป็นคดีพิเศษตั้งแต่เมื่อใหร่?" เขาถามสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
      "อ้อ...เปล่าหรอกค่ะ พอดีว่าบ้านของดิฉันอยู่ตรงกันข้ามนี่เอง"
      คู่สนทนาปรายตามองไปตามจุดหมายพร้อมกับพยักหน้าแบบไม่ค่อยใส่ใจ แล้วหันกลับมาตั้ง

      คำถามใส่พยานตรงหน้าต่อ 

      "อืม...คุณพบเขาครั้งสุดท้ายเมื่อใหร่และเหตุการณ์เป็นยังไงครับ?"
      "ประมาณ 8 โมงเช้า ผมมาขอต่อสายยางเข้ากับก๊อกน้ำที่หน้าบ้านของเขา ผมรดน้ำอยู่ที่หลังบ้าน

      ตัวเองจนถึงราว ๆ 9 โมงครึ่ง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องพอผมเดินออกมาก็ได้ยินว่าคุณสุวิชัยเสียชีวิตอยู่ในบ้าน"

      พงศยาไม่ค่อยพอใจนักกับการกระทำที่ได้รับแต่ก็เข้าใจถึงการปฏิบัติงาน เธอถามถึงผู้ดูแลคดี และ

      เขาก็ชี้ให้เธอเข้าไปด้านในด้วยปากกาที่อยู่ในมือ แล้วกลับไปตั้งคำถามต่อ

      "อ้าว...ผู้กอง ไม่คิดว่าคดีนี้คุณจะเป็นผู้ดูแล" เธอโพล่งออกมาน้ำเสียงเจือความประหลาดใจเมื่อเดินเข้ามาในที่เกิดเหตุ


      "สวัสดีคุณพงศยา เราไม่ได้เจอกันตั้งแต่คดี 'มาเฟียเบลดิดอส' ตอนนี้ผมเข้ามาสังกัดนครบาลถ้า

      นั่นคือสิ่งที่คุณสงสัย" ชายตรงหน้าตอบเสียงราบเรียบ 'อย่างที่เคยเป็น' นายตำรวจหนุ่มยศร้อยเอก แว่วมาว่าจะใกล้เป็นสารวัตเร็ว ๆ นี้ รูปร่างสูงโปรงและแข็งแรง ฉลาด แต่ไร้มนุษย์สัมพันธ์สิ้นดี คำพูดแต่ละคำดูเหมือนว่าเข้าใจไปหมดทุกเรื่อง และที่น่าหมั่นไส้ก็คือ มันมักจะถูกไปซะหมด พงศยาคิดนิยามชายหนุ่มตรงหน้าหลังจากไม่ได้พบมาเป็นเวลานานกว่าสองปี

      "ผู้ตายเสียชีวิตด้วยการถูกตีที่ศรีษะด้วยของแข็งไร้คมจนกระโหลกร้าวและเสียชีวิตด้วยเลือดคั่งในสมอง อาวุธน่าจะมีลักษณะเส้นผ่าศูนย์กลางราว 5-10 เซนติเมตรซึ่งมีลักษณะคล้ายท่อเหล็ก เสียชีวิตช่วงเวลา 8.30-9.00 ของวันนี้" เขาพูดเรื่อย ๆ ขณะที่อ่านรายงานการสืบสวน

      "ค่ะ...เอ่อ" พงศยาอ้าปากแต่ยังไม่ทันที่จะมีคำพูดอะไรหลุดออกไปปมากกว่านั้น เขาก็พูดแทรก

      ขึ้นมา

      "จากรูปคดี ไม่น่าจะเป็นการชิงทรัพย์เพราะไม่มีทรัพย์สินหายไปและไม่มีการรื้อค้น แต่มีร่องรอยการต่อสู้ภายในห้องรับแขกบริเวณที่ผู้ตายเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพบใยในลอนสีขาวขนาดเล็กที่เสื้อผ้าของผู้ตายซึ่งตอนนี้กำลังตรวจสอบ ส่วนเรื่องผู้ต้องสงสัย ตอนนี้มีสามคน คนนึงคุณน่าจะพบแล้ว เพราะคนของเรากำลังสอบถามเขาอยู่ที่หน้าบ้าน ส่วนที่เหลือเป็น พนักงานของบริษัทสูบสิ่งปฏิกูล กับเจ้าหนี้ของเขาซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่มีพยานเห็นว่าเขาแวะมาที่นี่เมื่อเช้า...แค่นี้คงพอนะสำหรับสิ่งที่คุณอยากรู้?"

      ผู้กองหนุ่มพูดยาวเหยียดและจบด้วยคำถามแบบห้วน ๆ พงศยาพยักหน้ารับและกล่าวขอบคุณสั้น

      ๆ พร้อมกับเดินจากมา 

      .....

      รุ่งขึ้น พงศยาไปทำงานตามปรกติ แต่บนโต๊ะของเธอมีซองเอกสารสำน้ำตาลปิดผนึกวางอยู่ 

      "จากนครบาล ?" เธอเอ่ยกับตัวเองเมื่อเห็นตราบนหน้าซองพลางใช้กรรไกรตัดเปิดซองออก แล้ว

      หยิบเอกสารภายในออกมาหัวกระดาษมีตัวหนังสือคุ้นตาอยู่บนหน้าปก 

      'บันทึกการสอบสวนผู้ต้องสงสัย ลับ สำนึกงานตำรวจแห่งชาิติ'

      "ขอบคุณ...ผู้กอง"

      ......

      คุณ พรชัย (เจ้าหนี้)

      "ผมไปหาเขาเพื่อถามถึงกำหนดที่เขาจะชำระหนี้ผม ซึ่งมันก็เลยมานานแล้ว สักประมาณ 7 โมงกว่าได้มั้ง ก็ได้ ๆ ถ้าจะให้เจาะจง ประมาณ 7.40 เรามีปากเสียงกันนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไร เขารับปากว่าจะจ่ายให้ผมในอีกสองสามวัน แล้วผมก็ออกมาจากบ้านของเขาราว 8.00 น. ถ้าไม่เชื่อคุณถามเพื่อนบ้านของเขาดูก็ได้ เพราะผมสวนกันเขาพอดีตอนที่เดินออกมา อีกอย่าง ผมจะเอาอะไรไปฆ่าเขา ทั้งตัวมีแต่กระเป๋าเอกสาร ถึงมันจะทำจากอะลูมิเนียมก็เถอะ อีกอย่าง ผมจะฆ่าเขาไปทำไม ถ้าผมยังต้องรอเงินที่จะมาใช้หนี้จากเขาอยู่"

      ...


      คุณ ทศพล (เพื่อนบ้าน) 

      "ผมเข้าไปหาเขาเวลาประมาณ 8.00 น ตอนที่เข้าไปก็สวนทางกับแขกที่มาพอดี ดูเหมือนว่าจะ

      เป็นเจ้าหนี้อะไรสักอย่าง ผมเข้าไปหาเขาเพื่อขอใช้ก็อกน้ำที่หน้าบ้าน เพราะว่าเขาต้องเปิดวาลว์จากข้างในบ้าน ทำไมผมไม้ใช้ก๊อกบ้านตัวเองน่ะเหรอ ก็เพราะว่าสุนัขของเขาน่ะสิ ไปรื้อสวนดอกไม้ของผมซะเละเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แล้วก็ทำท่อน้ำแต่กอีก ผมก็เลยต้องมาใช้ก๊อกน้ำของเขา ซึ่งก็สมควรแล้วแหละที่เขาต้องให้ใช้ เราก็คุยกันเรื่องค่าใช้จ่ายที่ผมจะซ่อมท่อนิดหน่ย แล้วผมก็ออกมาตอนเวลาประมาณ 8.20 หลังจากนั้นก็ไปรดน้ำดอกไม้พรวนดินที่หลังบ้านจนถึงเวลาประมาณ 9.30 ถ้าจะถามถึงสิ่งผิดปรกติก็ไม่มีอย่างอื่นนอกจาก ผมเห็นรถสูบสิ่งปฏิกูลมาจอดที่หน้าบ้านของเขาช่วงประมาณ 9.00 แล้วจู่ ๆ ก็เลือนรถหลังจากจอดได้สัก10นาที หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียงร้อง "

      ...

      คุณ พรเทพ (พนักงานรถสูบสิงปฏิกูล)

      ทางบริษัทได้รับงานที่หมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ แต่คิวเราเต็มจึงกำหนดให้มาลงทำงานวัน

      อาทิตย์ บ้านที่ว่างจ้างเรามาอยู๋ห่างจากบ้านที่มีคนตายไปสองหลังแต่บริเวณนั้นเป็นที่ห้ามจอด ผมก็เลยต้องไปจอดรถที่หน้าบ้านของเขา เพราะเป็นบ้านที่ใกล้ที่สุดที่สายสูบของเราจะไปถึงบ้านที่ว่าจ้าง เรื่องที่ผมเลื่อนรถหลังจากจอดไปได้สักพักน่ะเหรอ ? คือ หลังจากลากท่อเสร็จแล้วผมสักเกตุเห็นว่าล้อรถทับท่อยางอะไรก็ไม่รู้ ผมก็เลยเลื่อนรถ พอทำงานเสร็จ ก็บังเอิญเห็นว่า บ้านของเขามีตราของบริษัทติดอยู่ ก็เลยเข้าไปสอบถาม เผื่อว่าเขาอาจจะใช้บริการ แต่พอเรียกอยู่สักพักไม่มีคนตอบผมก็เลยเดินเข้าไปคิดว่าจะเคาะเรียกที่ประตู ก็บังเอิญไปเห็นเขานอนจมกองเลือดอยู่ในบ้าน ผมก็เลยส่งเสียร้อง


      ...


      พงศยาอ่านสำเนาบันทึกการสอบสวนแล้วก็วางมันลงบนโต๊ะ พร้อมกับผิวปากเบา ๆ ด้วยความพอใจ

      "อ่าฮ้า...ชั้นพอรู้แล้วว่าใครโกหก แล้วใครน่าจะเป็นฆาตกร"


      ---------------------------------------------------------------------



      แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับ ทราบไหมว่าใครเป็นฆาตกรและหลักฐานคืออะไร
















































      เฉลยจ้า

      คลุมดำข้างล่างเอานะ

      ฆาตกร นายทศพล (เพื่อนบ้าน)

      มูลเหตุจูงใจ เกิดจากเรื่องค่าเสียหายกรณีการซ่อมท่อน้ำซึ่งผู้ตายไม่มีให้ และเกิดจากความเครียดหลังจากโดนทวงหนี้ ทำให้มีปากเสียงกับนายทศพล 

      อาวุธสังหาร ท่อฉีดน้ำ (สายยางสำหรับรดน้ำต้นไม้ ต้องมีตัวปรับแรงเพื่อไม่ให้ทำอันตรายดอกไม้ ในที่นี้ ในเรื่องคือดอกไม่ไม่ใช่ต้นไม้ ซึ่งเป็นโลหะ) 

      หลักฐาน ไนลอนสีขาวที่พบจากตัวศพ เป็นไนลอนที่มากจากถุงมือทำสวน เพราะก่อนที่จะมีปากเสียงกัน นายทศพลกำลังจะทำสวน การเดินสายยางรดน้ำก่อนแล้วจึงใส่ถุงมือจึงเป็นเรื่องที่ไม่ีมีใครทำ ในขณะที่ก่อเหตุเขาจึงยังสวมถุงมืออยู่ 

      ข้อบ่งชี้อื่น ๆ 

      ช่วงเวลาการเสียชีวิต ถ้าเทียบดี ๆ แล้วจะตัดตัวผู้ต้องสงสัยออกไปได้มาก แต่ก็ยังไม่มีหลักฐาน ว่าคำให้การแต่ละคนพูดจริงหรือไม่ แต่ก็มีบางคนที่มีพยานรู้เห็นในช่วงเวลานั้น ๆ และคำให้การก็ตรงกัน กับผู้ต้องสงสัยคนอื่น ๆ

      สุนัขที่ผู้ตายเลี้ยง สุนัขไม่ส่งเสียงเห่า นั่นก็แปลว่า ฆาตกรต้องเป็นคนที่รู้จักกับผู้ตาย หรือไม่ก็เคยมาบ้านกับผู้ตายก่อนแล้ว สุนัขจึงไม่เห่า ในที่นี้ พนักงานจึงตัดออกไปได้ เพราะว่า ถ้าพนักงานเป็นฆาตกร นายทศพลก็น่าจะได้ยินเสียงเห่าของสุนัขด้วย

      ล้อรถทับสายยาง จุดนี้เป็นตัวแปรสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า นายทศพล โกหก เพราะหากเขากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่จริง การที่ล้อรถทับสายยางนั้น ต้องทำให้น้ำไม่ไหล หรือ ไหลช้ากว่าที่เป็น อีกทั้งยังเป็นเวลานานกว่า 10 นาที ที่ทับอยู่ เขาควรจะเห็นผิดสังเกตุและเดินมาดูที่ก๊อกน้ำแล้ว แต่ที่เขาไม่ทราบนั่นก็เพราะว่าในช่วงเวลานั้น เขาไม่ได้รดน้ำต้มไม่อยู่ แต่เขาโกหก ซึ่งอันที่จริงแล้วเขากำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×